เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังกัปตันทีม เรอัล มาดริด เปิดอก ตั้งใจทำให้ตัวเองโดนใบเหลืองในช่วงท้ายเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่เฉือน อาแจ็กซ์ 2-1 หลังจากมันจะทำให้เขาติดโทษแบนในนัดสองกับ อาแจ็กซ์ ซึ่งดูไม่ใช่งานยากอะไร และล้างใบเหลืองทั้งหมดสำหรับเกมรอบก่อนรองชนะเลิศที่น่าจะหินกว่า
เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน ยอมรับว่าตั้งใจให้ตัวเองโดนใบเหลืองในช่วงท้ายเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ต้นสังกัดบุกไปชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 2-1 ถึงสนาม โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า เมื่อวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
นัดดังกล่าวเกือบที่จะจบลงด้วยการเสมอกันแล้ว แต่ เรอัล มาได้ประตูชัยในช่วง 3 นาทีสุดท้ายของเกมจาก มาร์โก อเซนซิโอ ส่งผลให้ "ราชันชุดขาว" กุมความได้เปรียบเอาไว้เยอะพอตัวก่อนจะลงเล่นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว รังเหย้าของตัวเองนัดสอง
ทั้งนี้ หลังจาก เรอัล ได้ประตูในนาทีที่ 87 แล้วนั้น รามอส ก็มาโดนใบเหลืองในอีก 2 นาทีต่อมา จากจังหวะที่ไปทำฟาวล์ แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก ซึ่งมันนับเป็นใบเหลืองใบที่ 3 ของเขาในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาลนี้พอดี ทำให้ตามกฎแล้วเขาจะติดโทษแบน 1 นัด และมันจะมีผลในเกมนัดสอง
อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่าที่จริงจังหวะนี้ดาวเตะทีมชาติสเปนแทบไม่คิดที่จะเตะให้โดนบอลเลย และคิดว่า รามอส ตั้งใจทำให้ตัวเองโดนใบเหลือง จะได้ถือว่าเป็นการล้างโทษใบเหลืองเพื่อรอเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศที่อาจเป็นงานยากกว่า หลังจากตอนนี้ เรอัล มีโอกาสสูงที่จะเข้ารอบอยู่แล้ว ซึ่งแข้งวัย 32 ปี ก็ยอมรับว่าตั้งใจเรียกใบเหลืองจริงๆ
"ถ้าพิจารณาถึงสกอร์ที่ออกมาแล้วนั้น ผมก็คงโกหกถ้าผมบอกว่าไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น (เรียกใบเหลือง) ผมไม่ได้ทำไปเพราะประเมินคู่แข่งต่ำเกินไป หรือเพราะคิดว่าเราเข้ารอบเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่ในเกมฟุตบอลน่ะ บางครั้งคุณก็ต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบากแบบนี้" รามอส ให้สัมภาษณ์กับ เอล คิรินกีโต้ สื่อรายหนึ่งในสเปน
นี่เป็นอีกครั้งที่ รามอส ตกเป็นประเด็นฉาวเกี่ยวกับการตั้งใจทำให้ตัวเองถูกลงโทษ เพราะย้อนกลับไปในปี 2010 เขากับ ชาบี อลอนโซ่ ก็เหมือนกับตั้งใจจะทำให้ตัวเองได้รับใบเหลืองใบที่ 2 จนเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ในช่วงท้ายเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดรองสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ เรอัล ชนะ อาแจ็กซ์ 4-0 มาแล้ว โดยมันทำให้ รามอส และ อลอนโซ่ ติดโทษแบนในนัดสุดท้าย ซึ่งเป็นเกมที่ไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น และลงเล่นในรอบน็อกเอาต์ได้โดยที่ไม่มีใบเหลืองติดตัว โดยตอนนั้นเชื่อกันว่า โชเซ่ มูรินโญ่ สั่งให้ทั้งคู่ตั้งใจเรียกใบเหลืองใบที่สองให้ได้
